Thursday, September 04, 2008

WALL-E

The following post is part of the CPE 495 Human-Computer Interaction Idea Log.

ไปดู WALL-E มาอ่า น่ารักดีนะ ตลกดี คนนี้ก็อ้วนกันหมดเลย สมัยนี้ก็จะอย่างนั้นอยู่แล้วนะ ไม่ต้องนั่งรถก็จะไม่ลุกไปไหนกันอยู่แล้ว

ว่าแล้วคงน่าเบื่ออ่า อยู่บนยานอวกาศเดิมๆ เกือบพันปี เหมือนไม่มีอะไรพัฒนาเลย มีแค่อาหารนี่แหละ สุ่มสูตรกับชื่อขึ้นมาเปล่าก็ไม่รู้ กร๊าก ว่าแล้วก็หิว

อืม ดู WALL-E แล้วเห็นการคิดของหุ่นยนต์ มันก็เหมือนคนเลยนะ อาจจะต่างบ้างตรงไม่ขี้เกียจเหมือนคน (เปล่าวะ) เหอะๆ

ถ้าจะพัฒนาหุ่นยนต์ไปถึงจุดนั้นได้ คงยาก ไม่รู้จะต้องพึ่งพาเซลล์ชีวภาพรึเปล่า เพราะการเรียนรู้ และเข้าใจอารมณ์มนุษย์มันซับซ้อน แล้วดูดิ พอเรียนรู้ได้ ก็สามารถหลอกลวง ปกปิด ทำอะไรได้ต่างๆ นานา กลายเป็นหัวข้อยอดฮิตของ Sci-fi Thriller ใหม่ๆ ไหนจะปัญหาการซึมซับอารมณ์ผิดๆ ของมนุษย์ แล้วไหนจะปัญหาการทำงานบนกฏกติกาที่แต่แล้วเกิดช่องโหว่ทางศีลธรรม เป็นหายนะขึ้นอีกที

ก็เลยเป็นจุดลังเลของการพัฒนา AI ไม่ว่าจะทางชีวะหรือด้วยชุดคำสั่งล้วนๆ คงต้องรอต่อไปว่าจะมีใครตั้งกฏแห่งชีวิตที่สามารถใช้เป็นหลักการเรียนรู้ของหุ่นยนต์ได้หรือเปล่า "เพื่อสันติสุขของโลกอันสวยงาม"

คือถ้าหุ่นยนต์มันมีอารมณ์/คิดเองได้นะ ก็คงเรียกได้ว่าก้าวหน้าไปมาก ไม่ต้องคอยควบคุมการทำงาน ปรับนู่นเปลี่ยนนี่ มันจะเรียนรู้ของมันเองได้ ซ่อมตัวเองยังได้เลย

และแล้ว มันก็จะมีความรักได้ เหมือนทุกอย่างจะดีสินะ แค่ไม่ให้มันคิดร้ายก็พอ (แล้วจะสอนมันยังไงล่ะ ขนาดคนยังสอนไม่ได้เลย) เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาโลกแตกต่อไป

ว่าแต่ว่าชอบมากคือเส้นวิ่งของหุ่นยนต์ ที่เวลามีการทำงานใหม่เกิดขึ้น จะมีเส้นถูกตีขึ้นมาที่พื้นให้หุ่นยนต์วิ่งตาม ถือเป็นรายละเอียดที่เก๋ดี (มีการกระโดดออกนอกเส้นด้วยอ่า ฮ่าๆ)

2 comments:

  1. ทอปปิคเรื่องนี้เรียกว่า "ความหวัง" อ่ะ ต้นไม่้ต้นเล็ก ๆ ต้นเดียวก็เป็นความหวังได้ เอิ๊กส์ ๆ

    ReplyDelete
  2. This is great info to know.

    ReplyDelete